Monday, February 4, 2013

หอมเอยเจ้าดอกแก้ว

หอมเอยเจ้าดอกแก้ว


พระชมการะเกดแก้ว หอมนา ยากนา
หอมหื่นกลเกศา รวดเร้า
พระชมมุลิลา ลานสวาท
ชมดอกไม้เกี้ยวเกล้า เพื่อนไท้แพงทอง
ลิลิตพระลอ
กวีสมัยกรุงศรีอยุธยา
(ที่มา : จากหนังสือดอกไม้ในวรรณคดีไทย)
กลับมาแล้วค่ะ กลับมาจากสมุย ชุ่มฉ่ำหัวใจ พกพากำลังใจจากคนที่รักกลับมาเต็มที่
แต่วันนี้ยังนั่งเคลียร์งานไม่เสร็จ .. สองทุ่มกว่าแล้ว ง่วง ง่วง เหนื่อย ๆ
หันซ้ายหันขวา ไปหยิบหนังสือดอกไม้มาเปิดดู ..
ไม่น่าเชื่อเนอะ ว่าดอกไม้นี่ทำให้สบายใจได้จริง ๆ นี่ขนาดเป็นดอกไม้ในภาพนะเนี่ย ..
ต้องมนตร์ดอกแก้ว .. หลับตา .. ยังได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกแก้วที่บ้าน
"บอบบาง น่าทะนุถนอม .. เหมือนดอกแก้ว" ใครนะเคยพูดเอาไว้
ดอกแก้ว .. ถ้าจะเปรียบผู้หญิงกับดอกไม้
ผู้หญิงอย่างฝนคงไกลห่างเหลือเกินกับ "ดอกแก้ว"

การปลูกดอกแก้ว

การปลูกดอกแก้ว
         ทราบกันหรือเปล่าว่า ดอกแก้ว เป็นดอกไม้ที่สวยชนิดหนึ่งนะค่ะ  แล้วยังมีกลิ่นที่หอมด้วยนะค่ะ แล้วถ้าใครอยาก ปลูก ต้อดอกแก้วนั้นนะค่ะ  ไม่ใช่เรื่องอยากอีกต่อไปแล้วค่ะ  เพราะวันนี้ ความรู้ทั่วไป ได้นำเอาวิธีการปลูกต้น  ดอกไม้  มาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยนะค่ะ
-โบราณเชื่อกันว่า  การที่เราปลูกต้นแก้วในบ้าน  แล้วถ้าบ้านใดไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์นะค่ะ   และยังทำให้มีความเบิกบานอีกด้วยนะ   เพราะแก้ว  คือ  ความใสสะอาด  ความสดใส  นอกจากนี้ดอกแก้วยังมีสีขาวสะอาดกลิ่นหอมอบอวล  ทั้งยังสามารถนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระในพิธีทางศาสนาได้   ถือเป็นสิริมงคลยิ่ง  วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์   จึงนำวิธีการปลูกต้นแก้วมาแนะนำค่ะ  ยังมีกลิ่นที่หอมอีกด้วยนะค่ะ
-การเป็นสิริมงคล   การที่บ้านใดได้ปลูกดอกแก้วนั้นนะ ค่ะ จะมีความเป็นสิริมงคลลแก่บ้านและผู้อาศัยอยู่ด้วยนะค่ะ   และก็ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก   หรือผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ   เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธนั้น จะดีค่ะ
-การปลูกดอกแก้ว   ต้นดอกแก้วนะค่ะ  สำหรับการปลูกในแปลง   เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน  คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้านค่ะ  ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 เซนติเมตร  ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก  การปลูกแบบนี้ก็จะสามารถปลูกเป็นกลุ่มหรือเป็นแถวได้นะค่ะ  และสามารถตัดแต่งทรงพุ่มได้ตามความต้องการของเราด้วยนะค่ะ
-การปลูกในกระถางนั้น  การที่เราปลูกดอกแก้วในกระถางนั้นนะค่ะ  เพื่อในการประดับภายนอกอาคาร  เราควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12 – 16 นิ้ว  ใช้ปุ๋ยคอก  หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก แนะควรเปลี่ยนกระถาง 1 – 2 ปี/ ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่มนะ  และก็เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปด้วยนะค่ะ
-ดูแลรักษาต้นแก้ว   แล้วต้นแก้วนะค่ะ  เป็นต้นแก้วที่ต้องการแสงแดดจัด  และควรรดน้ำอย่างน้อย 3 – 5 วัน/ครั้ง  ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 – 2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 – 6 ครั้ง  หรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์  สูตร 15-15-15 อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 – 6 ครั้งได้นะค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก   nanagarden.com

ไม้หอม ดอกขาว ชื่อแก้ว

แก้วเป็นไม้ประดับที่มีดอกสีขาวให้กลิ่นหอมกำลังดี เหมาะมากกับท่านที่นิยมไม้ดอกหอม

  • ผมมีต้นแก้วปลูกไว้ที่บ้าน 4 ต้น  ต้นแรกปลูกไว้ใต้ร่มมะม่วง  3 ปีออกดอกครั้งเดียว ส่วนใหญ่มีแต่ใบ
  • อีก 3 ต้นปลูกลงกระถางเดียวเป็นกลุ่ม ตั้งบริเวณหน้าบ้านได้รับแดดเกือบทั้งวัน เพิ่งปลูกได้ปีเดียว ได้ชมดอกไปแล้ว 2 ชุด
ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อสีขาวบริสุทธิ์ มีเอกลักษณ์ คิดว่าสวยงามไม่เป็นรองใครเท่าไร
..............................
แก้วเป็นไม้ประดับที่มีดอกสีขาวให้กลิ่นหอมกำลังดี  เหมาะมากกับท่านที่นิยมไม้ดอกหอม
  • การดูแลรักษาก็ไม่ถึงกับง่ายมาก แต่ก็ไม่ยาก มักมีหนอนชอนใบเป็นศัตรูรบกวนที่ต้องคอยหมั่นตรวจดู 
  • นอกจากนั้นก็จะพบเพลี้ยอ่อน และเพลี้ยแป้งบ้าง  คอยสังเกตว่ามีมดไต่ชุกชุมตามต้นหรือเปล่า ถ้ามีต้องดูใกล้ๆอีกนิด  เพราะมดพวกนี้เขาชอบนำเพลี้ยมาปล่อยเลี้ยงไว้จากการดูดกินน้ำเลี้ยงต้นแก้วของเรา แล้วมดก็ตามเก็บกินน้ำหวานที่เพลี้ยปล่อยออกมาเป็นสิ่งตอบแทน
  • ฟังดูคล้ายพวกค้ามนุษย์ หรือพวกที่ชอบจับเด็กไปปล่อยขอทาน หรือเรียกค่าไถ่อะไรทำนองนั้น
  • วิธีการกำจัดหนอนชอนใบ หรือเพลี้ยที่ว่ามานั้น แนะนำให้กำจัดหรือทำลายโดยตรงด้วยมือ จะปลอดภัยต่อสุขภาพมาก
หมั่นตรวจตราบ่อยๆ ก็เอาอยู่ครับ
..............................
แต่ขอบอกว่าหากต้องการให้แก้วเจริญเติบโตดี ให้ดอกบ่อย  แนะนำว่าควรปลูกที่กลางแจ้งแดดจัดจะเหมาะกว่าที่ร่ม
จะปลูกเป็นกลุ่มเพื่อเอาทรงพุ่ม หรือจะปลูกเป็นแถวเป็นแนวแทนรั้วได้ทั้งนั้น รดน้ำ 2-3 วันครั้งก็ยังได้  ใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักก็พอแล้วครับ  (แต่ถ้าจะให้ปุ๋ยเคมี 15-15-15 เพิ่มอีกหน่อย สักต้นละ 2-3 ขีด 3 เดือนครั้งก็ยิ่งดี)
.......................................
  • นอกจากนั้น ว่ากันว่าคนบ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะเป็นมงคลทำให้คนในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน มีความดี มีคุณค่าสูง เพราะ แก้ว นั้นหมายถึง สิงที่ดีมีค่าสูงเป็นที่นับถือบูชาของบุคคลทั่วไปซึ่งโบราณได้เปรียบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เสมือนดั่งดวงแก้ว
  • แล้วยังแนะนำว่าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก
.............................................
  • ส่วนใบสดเมื่อขยี้ใบแล้วดมจะมีกลิ่นหอม สามารถใช้รักษาอาการปวดฟัน โดยนำใบสดมาประมาณ 13 – 15 ใบ ตำพอแหลก(ให้ได้ประมาณ 1 กรัม) แล้วแช่เหล้าขาว  1 ช้อนชา หรือ 5 มิลลิลิตร  ทิ้งไว้สักครู่เดียวแล้วก็นำยาที่ได้มาทาบริเวณฟันที่ปวด
............................
ถ้าชื่นชอบก็ลองหามาปลูกสักต้นสองต้น ผมว่าก็ไม่เลวนะครับ สำหรับไม้ดอกหอม ชื่อแก้ว


ดอกแก้ว ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว

ดอกแก้ว
ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว

ดอกไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว-ดอกแก้ว

ดอกไม้ประจำจังหวัด

สระแก้ว

ชื่อดอกไม้

ดอกแก้ว

ชื่อสามัญ

Orang Jessamine

ชื่อวิทยาศาสตร์

Murraya paniculata

วงศ์

RUTACEAE

ชื่ออื่น

แก้ว, แก้วขาว (ภาคกลาง), แก้วขี้ไก่ (ยะลา), แก้วพริก, ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ)

ลักษณะทั่วไป

แก้วเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางสูงประมาณ 5–10 เมตร ทรงพุ่มไม่เป็นระเบียบ ใบออกเป็นช่อ เป็นแผงเรียงสลับกัน ใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อใหญ่ ช่อสั้น ออกตามปลายกิ่ง กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่ขนาด 2–3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รี ปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1–2 เมล็ด

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด, ตอนกิ่ง

สภาพที่เหมาะสม

ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด

ถิ่นกำเนิด

จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย และภูมิภาคอินโดจีน

ดอกแก้วชื่อวิทยาศาสตร์: Murraya paniculata (L.) Jack.


ดอกแก้วชื่อวิทยาศาสตร์:  Murraya paniculata (L.) Jack.




ชื่อวงศ์:  RUTACEAE
ชื่อสามัญ:  Orang Jessamine, China Box Tree, Andaman Satinwood, Chinese Box-woodชื่อพื้นเมืองอื่น: กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แก้วขาว (กลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก (เหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง) และ ตะไหลแก้ว (เหนือ)ถิ่นกำเนิด:  จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย และภูมิภาคอินโดจีน
แหล่งที่พบ:  ทุกภูมิภาคลักษณะทั่วไป:
    ต้น  ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 ม. เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ สีเขียวเข้ม เปลือกต้น สีขาว
เทา แตกเป็นร่องตามยาว
    ใบ  ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ มีใบย่อย 5-9 ใบ เรียงสลับกันจากเล็กไปหาใหญ่ สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบย่อยที่ปลายก้านใบรูปไข่ รูปรี หรือรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนแหลมหรือสอบ ขอบเป็นคลื่นหรือหยักมนตื้นๆ โคนใบเบี้ยวเล็กน้อย ใบมีต่อมน้ำมัน
    ดอก  ช่อดอกสั้น ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม   กลีบเลี้ยง 5 กลีบ   กลีบเลี้ยง ขนาดเล็ก ปลายมน กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาวประมาณ1.2 ซม. เรียงซ้อนเหลื่อม ฐานรองดอกรูปวงแหวน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไม่เท่ากัน ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้แบน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 0.7 ซม. ยอดเกสรรูปโล่ห์ ร่วงง่าย ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 เซนติเมตร
    ฝัก/ผล  รูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 5-8 มม. ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สีแดงอมส้ม ต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด
    เมล็ด  รูปไข่ มีขนหนาและเหนียวหุ้มโดยรอบเมล็ด
ฤดูกาลออกดอก:  ตลอดปี โดยเฉพาะฤดูฝนวิธีการปลูก สำหรับการปลูกในแปลง เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2  ผสมดินปลูก การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นกลุ่มหรือเป็นแถวได้ และสามารถตัดแต่งทรงพุ่มได้ตามความต้องการส่วนการปลูกในกระถาง เพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก แนะควรเปลี่ยนกระถาง 1 - 2 ปี/ ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปการดูแลรักษา  ต้นแก้วต้องการแสงแดดจัด และควรรดน้ำอย่างน้อย 3 - 5 วัน/ครั้ง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-15  อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง
การใช้ประโยชน์:
    -    ไม้ประดับ
    -    สมุนไพร
    -    เนื้อไม้มีลายมันสวยงาม มีน้ำมันในเนื้อไม้ นิยมใช้ทำเครื่องตกแต่งในบ้าน ด้ามเครื่องมือ ด้ามปากกา เครื่องดนตรี ได้แก่ ซอด้วง ซออู้

สรรพคุณทางยา:
    -    ใบ ใช้ปรุงเป็นยาขับระดู และยาระบายลมแก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ
*ดอกไม้ประจำจังหวัด สระแก้ว

http://www.nanagarden.comhttp://th.wikipedia.org/wikihttp://www.nanagarden.com

http://www.biogang.net/biodiversity_view.php?menu=biodiversity&uid=9516&id=104186

http://biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity-115287-2.jpg